วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง


อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง

ประเภทเขา,ภูเขา,ถ้ำ,อุโมงค์
ที่อยู่อุทยานแห่งชาติเขาน้ำค้าง ม. 1 ต.คลองกวาง อ.นาทวี   จ.สงขลา

ข้อมูลอุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง



อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง

ที่ตั้ง

หมู่ที่ 1 ต.คลองกวาง อ.นาทวี จ.สงขลา  ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาน้ำค้าง  ห่างจากที่ทำ
การอุทยานฯ ประมาณ 4 ก.ม.

การเดินทาง

ใช้เส้นทางหาดใหญ่-นาทวี-บ้านประกอบ-อุโมงค์เขาน้ำค้าง ระยะทางประมาณ 92 ก.ม. หรือ
เส้นทาง สะเดา-อุโมงค์เขาน้ำค้าง ระยะทาง 26 ก.ม.

อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่ ต่างไปจากที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ใน
เขตจังหวัดสงขลา ด้วยสภาพป่า  ที่อุดมสมบูรณ์มากก่อให้เกิดอากาศบริสุทธิ์  อันเหมาะอย่างยิ่ง
แก่การพักผ่อน  ชื่นชมธรรมชาติอันงดงามสมบูรณ์ของป่าเขา  และมีโอกาสได้ศึกษาถึงประวัติ
ความเป็นมาของอุโมงค์   และยังจะได้ศึกษาถึงการดำรงชีวิตในช่วงที่ยัง  เป็นยุทธภูมิการสู้รบ
ของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย

หลังการสู้รบเป็นเวลานาน  ในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์ได้ประกาศยุติการต่อสู้  แล้วเข้าร่วม
เป็นผู้รวมพัฒนาชาติไทย  เมื่อปี   พ.ศ.2530   พร้อมทั้งได้ปรับปรุงซ่อมแซมอุโมงค์ที่เสียหาย
เพื่ออนุรักษ์ไว้ ให้ชนรุ่นหลังได้ท่องเที่ยวและศึกษา

แรกเริ่มนั้น  อุโมงค์แห่งนี้มีช่องทางเข้า-ออก เพียง 3 ช่องทาง ต่อมาได้ขุดขยาย ให้มีขนาด
กว้างใหญ่ขึ้น และลึกถึง 3 ชั้น มีช่องทางเข้า-ออก ได้ 16 ช่อง(1.5 x 2 ม.) มีบันได เชื่อมระหว่าง
ชั้น ความยาวคดเคี้ยวขึ้นลงภายในติดต่อกันยาวประมาณ  1,000 เมตร  สามารถจุคนได้ประมาณ 200 คน ภายในอุโมงค์แบ่งแยกเป็นห้องๆไว้หลายห้อง อันประกอบด้วยห้องประชุมขนาด
ใหญ่-ขนาดเล็ก ห้องธุรการ ห้องวิทยุ ห้องพยาบาล ห้องครัว ห้องผู้นำ สนามซ้อมยิงปืนสนามหัด
ขี่มอเตอร์ไซด์และ  ห้องสุขา  ทั้งนี้ใช้เวลาขุดอุโมงค์แห่งนี้  ทั้งหมดด้วยกำลังคนประมาณ  2  ปี
นอกจากนี้  บริเวณเนินเขาภายนอกอุโมงค์  ยังจัดให้มีค่ายปฏิบัติการ  ประกอบด้วยสนามบาส
เก็ตบอล โรงครัว ที่พักชาย-หญิง ห้องวิวาห์ (เรือนหอ) และห้องปฏิบัติการเตรียมพร้อม

ในปัจจุบันอุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง ได้รับการปรับปรุงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่ง
ใหม่ มีร้านอาหารบริการที่น่าสนใจมาก คือ สมุนไพรจีน และในอนาคตจะมีที่พักไว้บริการนัก
ท่องเที่ยวอีกด้วย

วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

1.อธิบายคุณสมบัติของอุปกรณ์เครือข่ายดังต่อไปนี้


            1.1  Router เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่เชื่อมต่อเครือข่ายหนึ่งกับอีกเครือข่ายหนึ่งหรือหลายเครือข่าย  Router จะทำหน้าที่ในระดับ Network Layer ของแบบจำลอง OSI  สำหรับ  Router จะต้องมีการตัดสินใจที่ซับซ้อนว่าจะต้องส่งแพกเก็ตไปที่เครือข่ายใด  และเส้นทางใดจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด
              1.2  DHCP server (Dynamic Host Configuration Protocol) คือ โปรโตคอลที่ใช้ในการกำหนด IP Address อัตโนมัติแก่เครื่องลูกข่ายบนระบบ ที่ติดตั้ง TCP/IP สำหรับ DHCP server มีหน้าที่แจก IP ในเครือข่ายไม่ให้ซ้ำ เป็นการลดความซ้ำซ้อน เมื่อเครื่องลูกเริ่ม boot ก็จะขอ IP address, Subnet mark, หมายเลข DNS และ Default gateway
           1.3  Access Point เป็นอุปกรณ์กระจายสัญญาณหรือเชื่อมต่อระบบเครือข่ายแบบไร้สาย การเชื่อมต่อในลักษณะ Infrastructure  จำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ที่เรียกว่า  Access Point เป็นตัวกลางทำหน้าที่คล้าย Hub/Switch
           1.4 สาย  Fiber Optic  แบบ  Single Mode เป็นสายที่มีความเร็วในการทำงานสูงสุดดีกว่าแบบ Multimode สายชนิดนี้เป็นสายที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กมากและทำการส่งแสงออกมาตรงแนวกลางของสายโดยตรง จึงไม่ต้องอาศัยการสะท้อนใด ๆ            1.5  Hub  เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่เป็นศูนย์กลางของการสื่อสารข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ในระบบ LAN ที่ต่อแบบ Star ซึ่งฮับในปัจจุบันมีหลายขนาด เช่น 5 พอร์ท, 8 พอร์ท, 16 พอร์ท, 24 พอร์ท, 32 พอร์ท, 48 พอร์ท มีความเร็วเริ่มต้นที่ 10 Mbps ซึ่งฮับจะทำงานอยู่ในชั้น Physical Layer
           Switch เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่พัฒนาการต่อจากฮับอีกทีหนึ่ง  มีความสามารถมากกว่าฮับโดยการทำงานของสวิตช์จะส่งข้อมูลออกไปเฉพาะพอร์ทที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารหรือติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทางเท่านั้น  ไม่ส่งกระจายไปทุกพอร์ทเหมือนอย่างฮับ  ทำให้ในสวิตช์ไม่มีปัญหาการชนกันของข้อมูล  สวิทช์จะทำงานอยู่ในชั้น Data Link
           1.6  Protocol คือ ข้อตกลงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับวิธีที่คอมพิวเตอร์จะจัด รูปแบบและตอบรับข้อมูลระหว่างการสื่อสาร ซึ่งโปรโตคอลจะมีหลายมาตรฐานที่จะให้ผู้เขียนโปรแกรมเลือกใช้ และแต่ละโปรโตคอลก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป
              1.7  UTP : Unshielded Twisted Pair เป็นสายสัญญาณที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน  เป็นสายขนาดเล็กไม่มีชิลด์ห่อหุ้ม  มีเส้นตีเกลียวเป็นคู่ ๆ เพื่อลดสัญญาณรบกวน  ในการเชื่อมต่อใช้หัวต่อแบบ RJ45 สามารถต่อสายได้ยาวสูงสุด 100 เมตร มาตรฐานสาย UTP ได้แก่
      -  CAT 1 มีความเร็วน้อยกว่า 100Kbps (Analog)
      -  CAT 2 มีความเร็ว  2 Mbps
      -  CAT 3 มีความเร็ว 10 Mbps
      - CAT 4 มีความเร็ว 20 Mbps
      - CAT 5 มีความเร็ว 100 Mbps(100MHz)
      - CAT 5e มีความเร็ว 1000 Mbps
      - CAT 6 มีความเร็ว 1000 Mbps (250MHz)
             1.8   WiMAX หมายถึง  สามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่าระบบโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G มากถึง 10 เท่า ยิ่งกว่านั้นก็ยังมีอัตราความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลสูงสุดถึง 75 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) ซึ่งเร็วกว่า 3G ถึง 30 เท่าทีเดียวโดยมาตรฐาน IEEE 802.16a หรือ WiMAX มีความสามารถในการส่งกระจายสัญญาณในลักษณะจากจุดเดียวไปยังหลายจุด (Point-to-multipoint) ได้พร้อมๆ กัน  โดยมีความสามารถรองรับการทำงานในแบบ Non-Line-of-Sight ได้ สามารถทำงานได้แม้กระทั่งมีสิ่งกีดขวาง เช่น ต้นไม้ หรือ อาคารได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ WiMAX สามารถช่วยให้ผู้ที่ใช้งาน สามารถขยายเครือข่ายเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้กว้างขวางด้วยรัศมีทำการถึง 31 ไมล์ หรือประมาณ 48 กิโลเมตร และมีอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดถึง 75 Mbps มาตรฐาน IEEE 802.16a นี้ใช้งานอยู่บนคลื่นไมโครเวฟที่ความถี่ระหว่าง 2-11 กิกะเฮิรตซ์ (GHz)  และยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์มาตรฐานชนิดอื่นๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี
             1.9  NAT (Network Address Translation) คือ คุณสมบัติหนึ่งของการแจก IP หรือการทำ IP Sharing เพราะในเครือข่ายขนาดใหญ่จะใช้ Local IP หรือ Fake IP แต่จะมี Real IP อยู่บางส่วน โปรแกรมเครื่องบริการบางโปรแกรมมีหน้าที่กำหนด Local IP ให้เครื่องลูก เมื่อเครื่องลูกต้องการออกไปอ่านข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ก็จะใช้ Real IP ออกไป จากลักษณะดังกล่าง อาจทำให้เครื่องที่เป็น NAT server ทำหน้าที่เป็น Firewall ปกป้องเครื่องลูก เพราะจะไม่มีใครทราบ Local IP ของเครื่องในองค์กรได้ เนื่องจากการออกไปสู่อินเทอร์เน็ตจะใช้ IP ของ NAT server เสมอ จึงไม่มีใครเจาะเข้าสู่เครื่องลูกได้โดยตรง การเป็น NAT server อาจไม่จำเป็นต้องใช้คุณสมบัติ Cache server ก็ได้ เพราะเครื่องที่เป็น Proxy server ที่มีศักยภาพต่ำ จะล่มได้เร็วกว่าเครื่องที่ทำหน้าที่เป็น NAT เพียงอย่างเดียว สำหรับโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็น NAT server เช่น WinGate, WinRoute, WinProxy หรือ ICS(Internet Connection Sharing) เป็นต้น
          1.10  Microwave : เป็นความถี่ของคลื่นโทรทัศน์และไมโครเวฟ ซึ่งคลื่นดังกล่าวจะใช้ช่วงความถี่ 108    ถึง 1012   เฮิรตซ์ สามารถทะลุผ่านไปยังชั้นบรรยากาศไปยังนอกโลก ความถี่ที่นิยมใช้งานคือคลื่น VHF และ UHF สำหรับคลื่นไมโครเวฟจะเดินทางเป็นเส้นตรง สามารถส่งสัญญาณได้ไกลประมาณ 20 ไมล์  ข้อเสียของสัญญาณไมโครเวฟ คือ  สามารถถูกรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ง่าย รวมทั้งสภาพอากาศแปรปรวนจะส่งกระทบต่อสัญญาณ








2.IP Address ต่อไปนี้ Class อะไรและมี Default Subnet  mask เป็นค่าอะไร




2.1) 148.75.0.0
Class B เป็น 10010100.01001011.00000000.00000000
  2.2) 191.249.234.191
Class B เป็น 10111111.11111001.11101010.10111111
  2.3) 77.251.200.51
Class A เป็น 10110010.11111011.11001000.00110011
  2.4) 223.23.223.109
Class C เป็น 11011111.00010111.11011111.01101101 
  2.5) 177.100.18.4
Class B เป็น 10110001.01100100.00010010.00000100




3 จงแสดงการคำนวณหาจำนวน เครือข่ายย่อย (Sub Net) และจำนวนโฮสท์ในแต่ละเครือข่ายย่อยเมื่อมีการกำหนด Subnet mask ดังต่อไปนี้







1. 255.255.255.192(26)

11111111.11111111.11111111.11000000.   26


2. 255.255.254.0
111111111.1111111.111111110.00000000 23

3.255.255.252.0
11111111.11111111.11111100.00000000   22

4.255.255.255.252(/30)
111111111.11111111.11111111.11111100 30

5. 255.255.255.128.(/25)
11111111.11111111.11111111.10000000  25













4.ให้นักศึกษาอธิบายหน้าที่ของแต่ละชั้นของ SIO7 Leyer model ให้ละเอียดที่สุด








1.Physical Layer
         เป็นชั้นระดับล่างสุด
         ทำหน้าที่กำหนดวิธีควบคุมการรับและส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ในระดับบิต  เช่น การส่งบิต 0 จะแทนด้วยกระแสไฟฟ้ากี่โวลต์  สายสื่อสัญญาณมีกี่เส้น แต่ละเส้นใช้เพื่ออะไร เป็นต้น
2.Data Link Layer
         หน้าที่หลักคือ รวบรวมข้อมูลจากชั้น Physical มาตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล โดยการเพิ่มข้อมูลสำหรับการตรวจสอบติดไว้กับข้อมูล
         ตรวจสอบข้อมูลที่เสียหายหรือสูญหาย แล้วแจ้งให้ฝั่งผู้ส่งมีการส่งข้อมูลชุดเดิมกลับมาใหม่
         ตรวจสอบข้อมูลที่ซ้ำและกำจัดออกไป
3.Network Layer
         ควบคุมการติดต่อรับ-ส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ ในระบบเครือข่ายให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
         กำหนดเส้นทางเดินของข้อมูลจากผู้ส่งไปยังเครื่องปลายทาง
4.Transport Layer
         รับข้อมูลจากชั้น Session โดยถ้าข้อมูลมีปริมาณมากก็จะทำการแบ่งข้อมูลออกเป็นแพ็กเก็ตหลายๆแพ็กเก็ต แล้วจึงส่งข้อมูลทั้งชุดต่อไปให้โปรแกรมในชั้น Network
         ควบคุมการไหลของข้อมูล (flow control) เพื่อที่จะควบคุมการรับและส่งข้อมูล เช่นในกรณีที่ผู้ส่งจัดการส่งข้อมูลเร็วเกินกว่าผู้รับจะทำงานได้ทัน
5.Session Layer
         เป็นผู้กำหนดวิธีการควบคุมการเชื่อมต่อระหว่างผู้รับและผู้ส่ง
         บริหารการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ได้แก่ การกำหนดให้การแลกเปลี่ยนเป็นไปแบบสองทางในเวลาเดียวกัน (full duplex) หรือถ้าเป็นการสื่อสารแบบทางเดียวแต่สลับทิศได้ (half duplex) ก็จะต้องเป็นผู้จัดลำดับให้ทั้งผู้รับและผู้ส่งทำการส่งข้อมูลได้คล้ายกับการควบคุมสับหลีกรถไฟ
6.Presentation Layer
         การใช้รหัสแทนข้อมูล เช่น รหัส ASCII หรือ Unicode
         เข้ารหัส และ ถอดรหัส
7.Application Layer
         เป็นตัวกลาง หรือ ส่วนติดต่อระหว่างผู้ใช้โปรแกรมประยุกต์กับโปรแกรมใน 6 ชั้นที่เหลือ